วิธีการส่งคำสั่งซื้อขาย Cryptocurrency มีความคล้ายคลึงกับการซื้อขายสินทรัพย์อื่นๆโดย Spot คือ โปรดักต์พื้นฐานสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนใน Cryptocurrency ไปจนถึงมือเก๋าที่ต้องการถือครองเหรียญนั้นๆจริงๆ บทความนี้จะแนะนำวิธีการซื้อขายเหรียญในตลาด Spot สำหรับผู้เริ่มต้น
ตลาด Spot คืออะไร?
Spot คือ ตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขาย Cryptocurrency สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยได้รับสินค้าที่ส่งมอบเป็น Cryptocurrency จริงๆเข้ามาอยู่ใน Wallet ของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างจากตลาด Futures ซึ่งจะไม่มีการส่งมอบ Cryptocurrency จริงๆแต่เป็นเพียงการซื้อขายสัญญาเท่านั้นแต่การซื้อขายในตลาด Spot ผู้ซื้อจะได้เป็นเจ้าของเหรียญนั้นๆ จริงตัวอย่างเช่นเมื่อเราทำการซื้อ Bitcoin เสร็จสิ้นเราก็จะได้ Bitcoin เข้ามาอยู่ใน Wallet ของเราจากนั้นจะเก็บยาวหรือขายทำกำไรช่วงสั้นๆก็แล้วแต่

แม้ว่าตลาด Futures จะมีการเติบโตในระดับสูงในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ตลาด Spot ก็ยังคงมีความสำคัญเช่นเดิมเพราะยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการถือ Cryptocurrency เก็บไว้ในระยะยาว รวมถึงสามารถนำไปสร้างผลตอบแทนอื่นๆได้อีกหลายทาง
วิธีการซื้อขายในตลาด Spot
ภายในแพลตฟอร์ม Exchange ต่างๆมักจะมีวิธีการส่งคำสั่งซื้อขายในรูปแบบที่คล้ายกันโดยแบ่งได้ดังนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง : BITCOIN FUTURES 101 ความรู้เบื้องต้นก่อนเริ่มเทรด ครบจบในบทความเดียว
Market
คำว่า Market แปลว่าตลาด หมายความว่าถ้าเรากำลังจับตา Cryptocurrency ตัวใดตัวหนึ่งอยู่แล้วมีความต้องการจะซื้อขายในราคานั้นทันที ก็สามาถเลือกวิธีซื้อขายแบบ Market ได้เลย

จากนั้นให้เราไปคลิ๊กที่ Amount กรอกจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่เราต้องการซื้อลงไป เช่นต้องการ ซื้อ Bitcoin ที่ 1 BTC แพลตฟอร์มจะขึ้นจำนวนเงินที่เราต้องใช้ขึ้นมาทันที หรืออาจจะเลือกซื้อตามสัดส่วนของเงินในพอร์ตที่เรามีอยู่ก็ได้โดยมีตั้งแต่ 25% 50% 75% หรือซื้อทั้งหมด 100%
เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็สามารถกดปุ่ม Buy ทางแพลตฟอร์มจะทำการเข้าซื้อเหรียญตามจำนวนที่เราต้องการและมูลค่าที่ได้รับจะไปปรากฎอยู่ในเมนู Wallet แทน
Limit
Limit ก็คือการตั้งคำสั่งซื้อขายไว้ล่วงหน้า เราอาจจะวิเคราะห์แล้วว่าราคาสกุลเงินดิจิทัลที่หมายปองในเวลานั้นยังไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม เราก็สามารถตั้งคำสั่งเอาไว้ ทาง Exchange จะเป็นผู้จับคู่ราคาให้เอง

วิธีการนี้อาจจะซื้อไม่ได้ทันทีและอาจจะได้จำนวนที่ไม่ครบตามต้องการแต่อาจจะได้ราคาที่ดีกว่าราคาตลาดในเวลานั้น วิธีการนี้ยังเหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีเวลาเฝ้าติดตามตลาดด้วยตัวเองแต่ไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสในการลงทุนก็สามารถใช้วิธีตั้งราคาซื้อขายล่วงหน้าไว้ได้
Stop Limit
Stop Limit ก็คือการตั้งราคาที่เราต้องการจะซื้อหรือขายไว้ล่วงหน้าสำหรับการตั้งซื้อ เราสามารถตั้งราคาได้ทั้งในกรณีที่ต้องการให้ราคาย่อตัวลงมาในระดับที่เราต้องการหรือกรณีที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นจนถึงระดับที่เราต้องการซื้อ
เช่น ราคาสกุลเงินดิจิทัล A ตอนนี้อยู่ที่ 10 ดอลลาร์ แต่มองว่าราคาเหมาะสมคือ 9 ดอลลาร์ เราสามารถตั้ง Stop Limit ให้ราคาย่อตัวลงมาถึงระดับ 9 ดอลลาร์ แล้วถึงจะเกิดคำสั่งซื้อหรือมองว่าราคาเหมาะสมที่จะซื้อคือ 11 ดอลลาร์ แต่ราคาตลาดอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ เราก็สามารถตั้งให้ส่งคำสั่งซื้อเมื่อราคาเพิ่มขึ้นมาที่ 11 ดอลลาร์ ได้เช่นกัน

สำหรับการตั้งขายใช้ในกรณีที่เราต้องการจะขายในราคาที่มองแล้วว่าทำกำไรได้ในระดับที่เหมาะสม เช่น เราซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับตัวที่ราคา 10 ดอลลาร์ และตั้งใจจะทำกำไรให้ได้ 5% ก็สามารถตั้งคำสั่ง Stop Order ไว้ที่ราคา 15 ดอลลาร์
ขณะเดียวกัน เราสามารถตั้งขายไว้ที่ราคาต่ำกว่าราคาที่เราซื้อไว้ก็ได้ ในกรณีที่ตลาดเป็นขาลง เราสามารถตั้งให้เกิดการตัดขาดทุนไว้ได้เพื่อป้องกันความเสี่ยง เช่น เราซื้อไว้ที่ 10 ดอลลาร์ และเรามองว่าตลาดอาจจะเป็นขาลง เราสามารถตั้งขายแบบ Limit Order ไว้ที่ 9 ดอลลาร์ ก็ได้
กวาดเศษเหรียญ
การซื้อขายในตลาด Spot บางครั้งจะเหลือเศษของเหรียญที่จับคู่ราคาไม่หมดบาง Exchange จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยรวบเอาเศษเหรียญที่มีอยู่มาเป็น Native Token ของ Exchange นั้นๆ ซึ่งช่วยให้เราสามารถสะสมเหรียญของ Exchange ไว้กับตัวได้
นอกจากการซื้อขาย Cryptocurrency ปกติแล้ว Exchange ต่างๆมักจะมีโปรดักต์อื่นให้สามารถเลือกเทรดได้เช่นกันโดยจะประกอบไปด้วย Leverage Token และ Margin Account
Leverage Token
เครื่องมือประเภทนี้นักเทรดยังสามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี่ในภาวะตลาดขาลงได้โดยที่ยังใช้ตลาด Spot โดยทาง Binance ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ให้สามารถมี Leverage ในตัวเองอยู่ที่ 3X รวมถึงเปิดโอกาสให้ซื้อขายได้ในขณะที่ตลาดหรือราคาเหรียญนั้นๆเป็นขาลง

ตัวอย่างของ Leverage Token เช่น BTCDOWN หมายความว่าเรากำลังมองราคาบิทคอยน์มีโอกาสปรับตัวจึงเข้าไปซื้อโทเคนนี้เอาไว้ หากราคาบิทคอยน์ลงตามที่เราคิดก็จะได้กำไร แต่ถ้าราคาบิทคอยน์กลับขึ้นเราจะได้รับผลขาดทุนแทน
สำหรับนักเทรดที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ Leverage Token คือเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดเพราะไม่มีการล้างพอร์ต (Liquidate) กรณีที่ลงทุนผิดทางจนขาดทุนและมีความเหวี่ยงของราคาไม่มากนัก แต่มูลค่าของโทเคนอาจจะลดลงได้สูงสุดถึง 99%
Margin Account
ถ้าหากรับความเสี่ยงได้มากขึ้น บัญชี Margin เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรที่มากขึ้น โดยสามารถเลือกที่จะกู้เงิน (Borrow) จากทาง Exchange เพื่อที่จะทำการขายล่วงหน้า (Short) หรือซื้อล่วงหน้า (Long) ได้โดยสามารถเลือกระดับของ Leverge ได้ที่ 3X หากเลือกใช้วิธี Cross Margin และสามารถทำได้ 10X หากเลือกใช้แบบ Isolated

แต่วิธีการนี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตมากขึ้นเพราะมีโอกาสที่จะถูกล้างพอร์ตได้หากลงทุนผิดทางรวมถึงความเหวี่ยงของราคาที่สูงขึ้น
ที่สำคัญคือทั้ง Leverage Token และ Margin Account ไม่สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นใน Exchange ได้ เช่น Staking,Launchpool หรือ IEO ถือเป็นโปรดักต์ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่มากกว่าการเทรด Spot ปกติเท่านั้น
สมัครเทรด Cryptocurrency ได้ที่ลิงค์นี้