วิธีการส่งคำสั่งซื้อขายคริปโตในตลาด Spot

1222
Spot คือ

วิธีการส่งคำสั่งซื้อขาย Cryptocurrency มีความคล้ายคลึงกับการซื้อขายสินทรัพย์อื่นๆโดย Spot คือ โปรดักต์พื้นฐานสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลงทุนใน Cryptocurrency ไปจนถึงมือเก๋าที่ต้องการถือครองเหรียญนั้นๆจริงๆ บทความนี้จะแนะนำวิธีการซื้อขายเหรียญในตลาด Spot สำหรับผู้เริ่มต้น

ตลาด Spot คืออะไร?

Spot คือ ตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขาย Cryptocurrency สามารถแลกเปลี่ยนกันโดยได้รับสินค้าที่ส่งมอบเป็น Cryptocurrency จริงๆเข้ามาอยู่ใน Wallet ของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างจากตลาด Futures ซึ่งจะไม่มีการส่งมอบ Cryptocurrency จริงๆแต่เป็นเพียงการซื้อขายสัญญาเท่านั้นแต่การซื้อขายในตลาด Spot ผู้ซื้อจะได้เป็นเจ้าของเหรียญนั้นๆ จริงตัวอย่างเช่นเมื่อเราทำการซื้อ Bitcoin เสร็จสิ้นเราก็จะได้ Bitcoin เข้ามาอยู่ใน Wallet ของเราจากนั้นจะเก็บยาวหรือขายทำกำไรช่วงสั้นๆก็แล้วแต่

แม้ว่าตลาด Futures จะมีการเติบโตในระดับสูงในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ตลาด Spot ก็ยังคงมีความสำคัญเช่นเดิมเพราะยังมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการถือ Cryptocurrency เก็บไว้ในระยะยาว รวมถึงสามารถนำไปสร้างผลตอบแทนอื่นๆได้อีกหลายทาง

วิธีการซื้อขายในตลาด Spot

ภายในแพลตฟอร์ม Exchange ต่างๆมักจะมีวิธีการส่งคำสั่งซื้อขายในรูปแบบที่คล้ายกันโดยแบ่งได้ดังนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง : BITCOIN FUTURES 101 ความรู้เบื้องต้นก่อนเริ่มเทรด ครบจบในบทความเดียว

Market

คำว่า Market แปลว่าตลาด หมายความว่าถ้าเรากำลังจับตา Cryptocurrency ตัวใดตัวหนึ่งอยู่แล้วมีความต้องการจะซื้อขายในราคานั้นทันที  ก็สามาถเลือกวิธีซื้อขายแบบ Market ได้เลย

จากนั้นให้เราไปคลิ๊กที่ Amount กรอกจำนวนสกุลเงินดิจิทัลที่เราต้องการซื้อลงไป เช่นต้องการ  ซื้อ Bitcoin ที่ 1 BTC แพลตฟอร์มจะขึ้นจำนวนเงินที่เราต้องใช้ขึ้นมาทันที หรืออาจจะเลือกซื้อตามสัดส่วนของเงินในพอร์ตที่เรามีอยู่ก็ได้โดยมีตั้งแต่ 25% 50% 75% หรือซื้อทั้งหมด 100% 

เมื่อกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็สามารถกดปุ่ม Buy ทางแพลตฟอร์มจะทำการเข้าซื้อเหรียญตามจำนวนที่เราต้องการและมูลค่าที่ได้รับจะไปปรากฎอยู่ในเมนู Wallet แทน

Limit

Limit ก็คือการตั้งคำสั่งซื้อขายไว้ล่วงหน้า เราอาจจะวิเคราะห์แล้วว่าราคาสกุลเงินดิจิทัลที่หมายปองในเวลานั้นยังไม่ใช่ราคาที่เหมาะสม เราก็สามารถตั้งคำสั่งเอาไว้ ทาง Exchange จะเป็นผู้จับคู่ราคาให้เอง

วิธีการนี้อาจจะซื้อไม่ได้ทันทีและอาจจะได้จำนวนที่ไม่ครบตามต้องการแต่อาจจะได้ราคาที่ดีกว่าราคาตลาดในเวลานั้น วิธีการนี้ยังเหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีเวลาเฝ้าติดตามตลาดด้วยตัวเองแต่ไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสในการลงทุนก็สามารถใช้วิธีตั้งราคาซื้อขายล่วงหน้าไว้ได้

Stop Limit

Stop Limit ก็คือการตั้งราคาที่เราต้องการจะซื้อหรือขายไว้ล่วงหน้าสำหรับการตั้งซื้อ เราสามารถตั้งราคาได้ทั้งในกรณีที่ต้องการให้ราคาย่อตัวลงมาในระดับที่เราต้องการหรือกรณีที่ให้ราคาปรับตัวขึ้นจนถึงระดับที่เราต้องการซื้อ

เช่น ราคาสกุลเงินดิจิทัล A ตอนนี้อยู่ที่ 10 ดอลลาร์ แต่มองว่าราคาเหมาะสมคือ 9 ดอลลาร์ เราสามารถตั้ง Stop Limit ให้ราคาย่อตัวลงมาถึงระดับ 9 ดอลลาร์ แล้วถึงจะเกิดคำสั่งซื้อหรือมองว่าราคาเหมาะสมที่จะซื้อคือ 11 ดอลลาร์ แต่ราคาตลาดอยู่ที่ 10 ดอลลาร์ เราก็สามารถตั้งให้ส่งคำสั่งซื้อเมื่อราคาเพิ่มขึ้นมาที่ 11 ดอลลาร์ ได้เช่นกัน

สำหรับการตั้งขายใช้ในกรณีที่เราต้องการจะขายในราคาที่มองแล้วว่าทำกำไรได้ในระดับที่เหมาะสม เช่น เราซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับตัวที่ราคา 10 ดอลลาร์ และตั้งใจจะทำกำไรให้ได้ 5% ก็สามารถตั้งคำสั่ง Stop Order ไว้ที่ราคา 15 ดอลลาร์ 

ขณะเดียวกัน เราสามารถตั้งขายไว้ที่ราคาต่ำกว่าราคาที่เราซื้อไว้ก็ได้ ในกรณีที่ตลาดเป็นขาลง เราสามารถตั้งให้เกิดการตัดขาดทุนไว้ได้เพื่อป้องกันความเสี่ยง เช่น เราซื้อไว้ที่ 10 ดอลลาร์ และเรามองว่าตลาดอาจจะเป็นขาลง เราสามารถตั้งขายแบบ Limit Order ไว้ที่ 9 ดอลลาร์ ก็ได้

กวาดเศษเหรียญ

การซื้อขายในตลาด Spot บางครั้งจะเหลือเศษของเหรียญที่จับคู่ราคาไม่หมดบาง Exchange จะมีฟีเจอร์ที่ช่วยรวบเอาเศษเหรียญที่มีอยู่มาเป็น Native Token ของ Exchange นั้นๆ ซึ่งช่วยให้เราสามารถสะสมเหรียญของ Exchange ไว้กับตัวได้

นอกจากการซื้อขาย Cryptocurrency ปกติแล้ว Exchange ต่างๆมักจะมีโปรดักต์อื่นให้สามารถเลือกเทรดได้เช่นกันโดยจะประกอบไปด้วย Leverage Token และ Margin Account

Leverage Token

เครื่องมือประเภทนี้นักเทรดยังสามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี่ในภาวะตลาดขาลงได้โดยที่ยังใช้ตลาด Spot โดยทาง Binance ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์นี้ให้สามารถมี Leverage ในตัวเองอยู่ที่ 3X รวมถึงเปิดโอกาสให้ซื้อขายได้ในขณะที่ตลาดหรือราคาเหรียญนั้นๆเป็นขาลง 

ตัวอย่างของ Leverage Token เช่น BTCDOWN หมายความว่าเรากำลังมองราคาบิทคอยน์มีโอกาสปรับตัวจึงเข้าไปซื้อโทเคนนี้เอาไว้ หากราคาบิทคอยน์ลงตามที่เราคิดก็จะได้กำไร แต่ถ้าราคาบิทคอยน์กลับขึ้นเราจะได้รับผลขาดทุนแทน 

สำหรับนักเทรดที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ Leverage Token คือเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุดเพราะไม่มีการล้างพอร์ต (Liquidate) กรณีที่ลงทุนผิดทางจนขาดทุนและมีความเหวี่ยงของราคาไม่มากนัก แต่มูลค่าของโทเคนอาจจะลดลงได้สูงสุดถึง 99% 

Margin Account

ถ้าหากรับความเสี่ยงได้มากขึ้น บัญชี Margin เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการทำกำไรที่มากขึ้น โดยสามารถเลือกที่จะกู้เงิน (Borrow) จากทาง Exchange เพื่อที่จะทำการขายล่วงหน้า (Short) หรือซื้อล่วงหน้า (Long) ได้โดยสามารถเลือกระดับของ Leverge ได้ที่ 3X หากเลือกใช้วิธี Cross Margin และสามารถทำได้ 10X หากเลือกใช้แบบ Isolated 

แต่วิธีการนี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้กับพอร์ตมากขึ้นเพราะมีโอกาสที่จะถูกล้างพอร์ตได้หากลงทุนผิดทางรวมถึงความเหวี่ยงของราคาที่สูงขึ้น

ที่สำคัญคือทั้ง Leverage Token และ Margin Account ไม่สามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นใน Exchange ได้ เช่น Staking,Launchpool หรือ IEO ถือเป็นโปรดักต์ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่มากกว่าการเทรด Spot ปกติเท่านั้น

สมัครเทรด Cryptocurrency ได้ที่ลิงค์นี้

Total 0 Votes
0

Tell us how can we improve this post?

+ = Verify Human or Spambot ?

About The Author