หากพูดถึงแพลตฟอร์ม Social Trading ย่อมต้องนึกถึง eToro ซึ่งจะเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบของการลงทุนรูปแบบดังกล่าวเลยก็ว่าได้และยังเป็นฟินเทคที่มีผู้คนรู้จักไปทั่วโลก เรามา รีวิว eToro แพลตฟอร์มเทรดระดับโลกรายนี้กันดู
eToro ก่อตั้งขึ้นในปี 2006 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศไซปรัส และมีสำนักงานในส่วนของนักพัฒนาซอฟท์แวร์ตั้งอยู่ที่ Tel Aviv ประเทศอิสราเอล และยังมีสำนักงานอยู่ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มด้านการลงทุนจึงต้องมีใบอนุญาตทางด้านการเงิน โดย eToro อยู่ภายใต้กฎข้อบังคับของ Cyprus Securities Exchange Commission (CySEC) รวมถึง Financial Conduct Authority (FCA) ของสหราชอาณาจักร รวมถึงเป็นสมาชิก National Futures Association (NFA) ของสหรัฐอเมริกา
แม้ว่าจะไม่มีสำนักงานอยู่ในประเทศไทยแต่คนไทยก็สามารถฝากเงินบาทเข้าไปเพื่อลงทุนในแพลตฟอร์มได้เช่นกัน โดยมีวงเงินขั้นต่ำที่ต้องโอนเข้าไปอยู่ที่ 200 ดอลลาร์หรือประมาณ 6,000 กว่าบาทเท่านั้นและมีเจ้าหน้าที่ซึ่งพูดภาษาไทยได้คอยให้คำแนะนำอีกด้วย โดยสามารถโอนผ่านธนาคารไทยได้เลย
สินค้าการลงทุนหลากหลายด้วยรูปแบบ CFD
สินค้าที่เปิดให้ซื้อขายในแพลตฟอร์มมีตั้งแต่หุ้นรายตัวในตลาดหลักทรัพย์หลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ตลาดหุ้นในยุโรปรวมถึงเอเชียอย่างตลาดหุ้นฮ่องกง เรียกได้ว่าครอบคลุมหุ้นดังๆอย่าง TESLA Facebook Amazon ฯลฯ อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังคลอบคลุมถึงกองทุน ETFs ชั้นนำกว่า 150 ตัว,สินค้าโภคภัณฑ์อย่างเช่น ทองคำ น้ำมัน สินค้าเกษตร,คู่สกุลเงินหรือ Forex กว่า 49 คู่,Index Futures ชั้นนำจากสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล
โดยสินค้าการลงทุนทั้งหมดจะอยู่ภายใต้รูปแบบ CFD จึงไม่มีค่าธรรมเนียมในการซื้อขายแต่อย่างไร โดยทางแพลตฟอร์มจะมีกำไรจากส่วนต่างของราคา (Spread) เรียกได้ว่าสินค้ามีหลากหลายเพียงพอสำหรับนักเทรดอย่างแน่นอน
สื่อสังคมออนไลน์สำหรับเทรดเดอร์อย่างแท้จริง
จุดเด่นที่แพลตฟอร์มให้มากกว่าการเทรดก็คือเป็นพื้นที่ให้เทรดเดอร์ทั่วโลกสามารถเข้าไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ รวมถึงการให้มุมมองด้านการลงทุนทางเทคนิคเช่นตีกราฟ ใครที่สามารถเขียนคอนเทนท์ได้น่าสนใจก็จะมีผู้มากดติดตามจำนวนมาก

บทความที่เกี่ยวข้อง : Social Trading เครื่องมือช่วยติดตามผลงานเทรดเดอร์ระดับโลก
Copy People
ถือเป็นจุดเด่นของแพลตฟอร์มเลยก็ว่าได้เพราะเราสามารถที่จะเลือกได้ว่าจะเป็น Master ผู้นำเทรดและเปิดให้ Follwer สามารถกดติดตามเพื่อลงทุนแทนให้อัตโนมัติ โดยถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่รวมเทรดเดอร์มือดีไว้จำนวนมากที่สุดแล้วและยังมาจากทั่วโลกโดยสามารถเลือกติดตามได้จากผลตอบแทนที่ทำได้หรือสินค้าที่ Master เหล่านั้นลงทุนอยู่

Copy Portfolio
แตกต่างไปจาก Copy People ตรงที่ผู้เป็น Master จะทำหน้าที่เหมือนเป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่เทรดสินค้าที่หลากหลายขึ้นหรืออาจจะกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เป็นธีม เช่นเน้นลงทุนเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์หรือลงทุนเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ภายในแพลตฟอร์มยังให้ข้อมูลการเทรดที่ Master คนนั้นสามารถทำได้อย่างละเอียดไม่ว่าจะเป็นผลตอบแทนย้อนหลัง ความแม่นยำในการเทรดโอกาสที่จะเทรดได้กำไรมีมากหรือน้อยกว่าขาดทุน ซึ่งจะช่วยให้เราพิจารณาผลงานได้อย่างละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

ทั้งนี้ผู้เป็น Follower จะต้องเสียส่วนแบ่งกำไรให้กับผู้เป็น Master ถือเป็นค่าผลงานตามที่ได้ทำการตกลงกันไว้
รีวิว eToro หลังการใช้งาน
สำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นเทรดสินค้าการลงทุนต่างประเทศหรือ CFD ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากใช้เงินเริ่มต้นไม่สูงมากนักและมีสินค้าให้เลือกเทรดที่หลากหลาย
ที่สำคัญคือมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงจากการที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลานาน ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและยังมีใบอนุญาตทางด้านการเงินที่มีระดับความน่าเชื่อถือสูง นอกจากนี้ยังไม่เคยมีประวัติเสียเช่นบังคับล้างพอร์ตลูกค้าหรือโกงเงินมาก่อน จึงถือว่าน่าใช้งานเมื่อเทียบกับโบรกเกอร์ Forex อื่นที่เทรด CFD เหมือนกัน

ถ้าจะมีข้อเสียอยู่บ้างก็คือ Spread ราคาในการเทรดค่อนข้างที่จะสูงเมื่อเทียบกับรายอื่น Leverage ที่ให้มาไม่สูงมากนัก รวมถึงไม่สามารถเทรดในแพลตฟอร์มอื่นได้นอกจากเวบหรือแอปพลิเคชั่นของตัวเอง
แต่อย่างไรก็ตาม eToro ยังเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นลงทุนเทรดสินค้าการลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองด้วยการเป็น Master ใน Copy People หรือ Copy Portfolio หรือหากไม่ว่างในการลงทุนก็สามารถฝากเงินให้คนเหล่านี้ลงทุนแทนได้เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม eToro ยังเป็นแพลตฟอร์มการเทรดที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยากจะเริ่มต้นลงทุนเทรดสินค้าการลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งยังสามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองด้วยการเป็น Master ใน Copy People หรือ Copy Portfolio หรือหากไม่ว่างในการลงทุนก็สามารถฝากเงินให้คนเหล่านี้ลงทุนแทนได้เช่นกัน
เปิดบัญชีต้องทำอย่างไรบ้าง?
สิ่งที่ต้องเตรียมในการเปิดบัญชีกับ eToro ประกอบไปด้วย อีเมล เบอร์โทรศัพท์ รูปถ่ายบัตรประชาชน หรือ Passport โดยใช้รูปสีเพื่อยืนยันตัวตน และเอกสารยืนยันที่อยู่ เช่น Statement หรือ ใบแจ้งค่าสาธารณูปโภค โดยใช้เวลาประมาณ 3 วันทำการในการตรวจสอบและอนุมัติเอกสารจากนั้นจะได้รับอีเมลยืนยันการสมัครเป็นอันว่าสมัครได้สำเร็จ
หากมีคำถามสงสัยด้านการเปิดบัญชี สามารถสอบถามได้ที่ Support ของทางโบรกเกอร์ eToro โดยการคลิกที่ “ช่วยเหลือ” ในหน้าเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ได้ทันที
eToro เปิดให้ใช้งานได้ทั้งทางเวบไซต์และแอปพลิเคชั่นไม่ว่าจะเป็นระบบ ios หรือ Android หากสนใจเปิดบัญชีเทรดสามารถคลิ๊กได้ที่ลิงค์นี้ได้เลย
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง : รีวิว INTERACTIVE BROKERS โบรกเทรดหุ้นต่างประเทศที่ดีที่สุด